ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่ามีองค์ความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้นแทบทุกวัน ไม่ว่าจะสายงานไหนก็ตาม และเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การเรียนรู้ รูปแบบเดิมอย่างการนั่งเรียนในห้องอาจไม่พออีกต่อไป แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้นเราเลยต้องพร้อมปรับตัวตลอดเวลา เพราะมันคือวิธีที่จะช่วยให้เราไม่ตกขบวน และได้ไปต่อในโลกที่เปลี่ยนเร็วขนาดนี้ ทั้งหมดนี้เลยกลายเป็นเทรนด์การเรียนรู้ใหม่ที่เรียกว่า Lifelong Learning หรือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาตัวเอง เพื่อให้สามารถรับมือกับโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นใจ ผ่านตัวกลางห้องเรียนอย่าง EdTech (Educational Technology) หรือ เทคโนโลยีด้านการศึกษา นั่นเอง ทำให้การเรียนรู้กลายเป็นเรื่องง่าย สะดวก และตอบโจทย์คนยุคใหม่อย่างแท้จริง

“การเรียนรู้” คืออะไร และต่างยังไงกับ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ?

“การเรียนรู้ (Learning)” คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เป็นผลมาจากการเก็บสะสมความรู้ ทักษะ หรือพฤติกรรมใหม่ ๆ ผ่านประสบการณ์ การศึกษา หรือการสังเกต และเมื่อได้รับการฝึกฝนและฝึกหัดจนเกิดความชำนาญแล้ว ส่งผลให้เกิดเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร ส่วน “การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)” คือ รูปแบบการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตนเอง ซึ่งผู้เรียนจะเป็นใครก็ได้ในทุกช่วงวัย สามารถเลือกเรียนตามสิ่งที่สนใจได้เรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

สรุปง่าย ๆ:

การเรียนรู้ = เกิดขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต มีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงและระยะเวลาจำกัด
การเรียนรู้ตลอดชีวิต = เกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองจากความสนใจจริง ๆ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และคุณภาพชีวิต

3 หลักจิตวิทยากับห้องเรียน EdTech ที่ทำให้การเรียนรู้ทรงพลังยิ่งขึ้น

หลายคนอาจยังสับสนว่า EdTech คืออะไรกันแน่ แล้วเข้ามาเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้อย่างไรได้บ้าง?

ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายที่สุด…

EdTech (Educational Technology) ก็คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสนับสนุน ออกแบบ และพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ให้ดีขึ้น โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนกระดานดำเป็นจอสัมผัส หรือย้ายห้องเรียนมาอยู่ในแท็บเล็ต แต่คือการสร้าง “ห้องเรียนแห่งอนาคต” ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ในแบบของตัวเอง

วันนี้ LEARN Corporation ขอหยิบ 3 แนวคิดจิตวิทยาการเรียนรู้ ที่ถูกนำมาใช้จริงในห้องเรียน EdTech มาเล่าให้ฟังแบบสรุป จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

1)  หลักจิตวิทยาการสร้างแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation)

ห้องเรียน EdTech สามารถใช้ AI มาวิเคราะห์ ปรับเนื้อหาและรูปแบบการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน เป็นการศึกษาแบบ Personalized Learning เพื่อสร้างแรงจูงใจและตรงเป้าหมายของผู้เรียน

2)  หลักจิตวิทยาการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning)

การเรียนรู้แบบ Project-Based Learning ช่วยส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และพัฒนาทักษะการสื่อสาร การใช้แพลตฟอร์ม EdTech เช่น Virtual Classrooms จะช่วยให้การทำงานกลุ่มเป็นไปอย่างราบรื่น

3)  หลักจิตวิทยาการเรียนรู้ด้วยการทดลอง (Experiential Learning)

การทดลองและการลงมือทำช่วยให้ผู้เรียนจำและเข้าใจได้ลึกซึ้ง ห้องเรียน EdTech จึงส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ เช่น จำลองสถานการณ์ผ่าน AR / VR หรือ Simulation Tools เพื่อฝึกทักษะ

EdTech ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ผู้เรียนในแต่ละคน และเมื่อห้องเรียนที่ผนวกกับเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นโดยอาศัยแนวคิดจิตวิทยาแห่งการเรียนรู้ การเรียนรู้จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะทุกคนในทุกวัยจะมีพื้นที่ในการเรียนรู้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด